28 Oct PERMA model
“PERMA model”
หลักการที่ช่วยเติมเต็มความสุขในชีวิต
วันนี้ได้มีโอกาสมาเรียนเรื่อง PERMA model กับ พ.ญ. จิราภรณ์ อรุณากูร (หมอโอ๋) “เลี้ยงลูกนอกบ้าน ซึ่งมีหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับ PERMA model ทฎษฎีเกี่ยวกับหลักการที่ช่วยเติมเต็มความสุขในชีวิต
Dr.Martin Seligman ผู้ริเริ่ม positive psychology หรือจิตวิทยาเชิงบวก ได้พัฒนาเครื่องมือเพื่อช่วยให้หลักการในการนำพาชีวิตไปสู่ความสุข ความหมาย และการเติมเต็มในชีวิต
PERMA ซึ่งมีทั้งหมด 5 ข้อ
P – Positive emotion
อารมณ์ดี ชีวีตมีสุข การมีอารมณ์ในแง่บวก มองโลกในแง่ดี สำหรับวันนี้ที่เข้าอบรมในช่วงแรกที่มีการทำ work shop มีการสอบถามผู้เข้าสัมมนาว่าเมื่อลูกโตขึ้นต้องการอะไรหรือคาดหวังอะไรจากลูกบ้าง ไม่มีคนไหนตอบว่าอยากให้ลูกเรียนเก่งๆ หรืออยากให้ลูกเป็นหมอ แต่ส่วนใหญ่ตอบว่าคล้ายๆกันว่าอยากให้ลูกเติบโตมาอย่างมีความสุข สามารถแก้สถาณการณ์เอาตัวรอดได้ เป็นต้น เมื่อถามต่อว่าเมื่อลูกเติบโตไปแล้วอยากให้เขาสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนั้น ลูกเราจะต้องมีความคิด หรือ พฤติกรรมอย่างไร หนึ่งในคำตอบที่ซ้ำๆกันก็คือ ต้องมีความคิดที่มองโลกในแง่บวก
แน่นอนว่าในชีวิตเราอาจมีช่วงที่ดี หรือช่วงที่แย่ แต่การที่เราเลือกที่จะมองสิ่งดีๆที่เกิดขึ้น ไม่ไปคิดถึงแต่สิ่งแย่ๆ ก็จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น
การที่มีช่วงแย่ๆ เช่น สอบตก หรือ ทำงานแล้วไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ให้เราตอบตัวเองด้วย .”yet = ยัง” เราแค่อาจจะยังขยันไม่เพียงพอ พรุ่งนี้เราจะเริ่มใหม่ ก็อาจจะช่วยให้เราไม่ลงไปหมกหมุ่นกับสถาณการณ์ลบเหล่านั้นนาน เพราะเมื่อเราคิดแต่เรื่องลบๆ ความรู้สึกจะเศร้าและทำให้เรามีความสุขน้อยลง
E – Engagement
“ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ” เคยสังเกตุหรือเปล่าว่าตอนเราไปเที่ยวทำไมเวลาผ่านไปเร็วจัง หรือ สำหรับผม ผมรู้สึกว่าตอนปลูกต้นไม้ จัดแสตมป์ที่ชอบ ได้ออกไปวิ่ง หรือ นั่งวาดรูปแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก แต่ถ้าให้ไปนั่งสัมมานาในหัวข้อที่ไม่ได้สนใจ เวลามันผ่านไปช้ามากๆๆ ความรู้สึกเหล่านั้นคือ engagement หรือการมีส่วนร่วมกับสิ่งนั้นๆอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นงานอดิเรกที่ชอบ การทำงานที่เรารัก การอยู่ด้วยกับคนที่เรารัก หรือคนที่เรารู้สึกดีๆ สิ่งต่างๆเหล่านี้ที่ทำให้เกิดความสุขเช่นกัน หลายๆครั้งที่ผมไปสอนหนังสือผมมักบอกผู้เข้าอบรมให้ลองหากิจกรรมใหม่ๆทำหรืองานอดิเรคที่เราชอบเพราะเป็นกิจกรรมเหล่านั้นเป็นการสร้างความสุขให้กับตัวเอง และนอกจากนั้นการที่เราฝึกทำอะไรใหม่ๆ จะฝึกให้เราคิด ซึ่งจะทำให้สมองได้ทำงานและก็จะมีความยึดหยุ่นมากขึ้น (Brain flexibility)ซึ่งจะทำให้เรามีความจำที่ดีไม่หลงๆลืมๆอีกด้วย
R – Relationship
ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างนั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าจะทำให้ชีวิตประจำวันมีความสุขได้ในทุกๆวัน
การวิจัยของ Harvard ที่ติดตามคนกว่า 75 ปี มีทั้งที่อยู่ในสลัม หรือ คนที่อยู่ในครอบครัวมีเงิน ผลการวิจัยก็แสดงให้เราเห็นแล้วว่า สุดท้ายสิ่งที่ทำให้คนมีความสุขในบั้นปลายชีวิต ก็คือการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องของชื่อเสียงหรือเงินทอง
สมัยก่อนตอนเป็นวัยรุ่นไปเที่ยวผับ RCA ถึงแม้ว่าจะเป็นผับที่เดียวกัน แต่เมื่อไปกับเพื่อนคนละกลุ่มก็มีความสนุกไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับกลุ่มที่เราไปนั้นเราสนิทกันหรือมีความสัมพันธ์มากน้อยเพียงใด
ผมเคยสังเกตุและถามตัวเองเสมอว่านักศึกษาที่ไปเรียนที่อเมริกา ก็จะมีส่วนหนึ่งที่อยากกลับเมืองไทย กับอีกส่วนหนึ่งไม่อยากกลับเมืองไทย ซึ่งอาจจะมีหลายปัจจัยคนแต่ละคนที่แตกต่างกันในการตัดสินใจ หลายคนที่เรียนจบอเมริกา และมีงานทำที่มั่นคงที่อเมริกา แต่ก็ตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทยยอมทิ้งโอกาสดีๆตรงนั้นไป ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องเลือกว่าจะอยู่ต่อที่อเมริกาหรือกลับมาเมืองไทยดีหลังจากอยู่ไป 8 ปี และที่บริษัทที่ทำงานก็ทำใบเขียว (Green card)ให้ ปัจจัยหลักที่ทำให้ตัดสินใจกลับมาเมืองไทยก็คือ ความสัมพันธ์ที่มีต่อครอบครัว ดังนั้นความสัมพันธ์ ก็คือเป็นปัจจัยหลักปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้มีความสุข หรือเป็นปัจจัยในการกำหนดการตัดสินใจบ้างอย่าง
M – Meaning
บางคนร่ำรวยมากแต่ก็ไม่มีความสุข งานวิจัยหลายชิ้นก็ได้ตอบคำถามข้อนี้ ประเด็นสำคัญก็คือ เงินทำให้เรามีความสุขมากขึ้นได้จริง แต่ก็ถึงแค่จุดๆหนึ่งที่เราสามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานทั้งหมดได้ และได้ความสะดวกสบายประมาณหนึ่ง หลังจากนั้น ปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่ได้ทำให้ความสุขเพิ่มขึ้นอีกแล้ว
“เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร” ความหมายในชีวิตแต่ละคนแตกต่างกัน บางคนขึ้นกับชื่อเสียงเงินทอง บางคนคือการมีหน้าที่การงานที่ดี บางคนคือการได้ดูแลครอบครัว บางคนคือการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่บางอย่างให้กับสังคม
ซึ่งคำว่า Meaning ตรงนี้ผมมองในมุมมองของผมว่าเปรียบเสมือน Ikigai คือการที่เรามีความสุขกับการที่ได้ทำอะไรบ้างอย่างที่มีความสุข การมองว่าเราจะให้อะไรกับผู้อื่น มากกว่าการมองว่าเราจะได้อะไรจากผู้อื่น
หลายๆครั้งมีลูกค้าบอกผมว่า ที่อาจารย์มา Consulting ได้รับใบรับรอง ISO แล้วนะครับขอบคุณมากเลยที่อาจารย์ช่วย หรือ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปงาน Propack ลูกค้าบอกว่ายังใช้ Business Model Canvas, Business Plan, SWOT,การวิเคราะห์ตลาดและคู่แข่งที่อาจารย์สอน. ได้ยินแล้วก็ชื่นใจ และก็มีความสุข เพิ่งรู้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้ก็คือ Meaning นั้นเอง
A – Accomplishment
การทำอะไรที่ประสบความสำเร็จ ก็ทำให้เกิดความสุขหรือความพอใจ สำหรับบ้างเรื่องก็เกิดความภาคภูมิใจ, เติมเต็มความสุข
การทำงานที่จะสำเร็จได้นั้นเราก็ควรมีเป้าหมาย ถ้าทำงานในบริษัทหรือโรงงานเราจะได้ยินคำว่า KPI หรือ OKR
ถ้าถามตัวผมว่าในชีวิตนี้มีเหตุการณ์ใดบ้างที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิต บอกได้เลยคือการได้พาพ่อแม่มาร่วมงานรับปริญญาโทที่อเมริกา เพราะ กว่าจะจบต้องลำบากมากๆๆๆ เนื่องจากเรียนวิศวกรรมซึ่งเป็นวิชาที่ไม่ง่ายและต้องเรียนเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนเงินที่ไปเรียนก็หาเองทั้งหมด เรียนด้วยทำงานด้วย โดยทำงานแค่ อาทิตย์ละ 7 เพื่อใช้เป็นค่าเทอมกับค่าใช้จ่าย แต่โชคดีที่ทำได้สำเร็จเพราะมีเป้าหมายที่ชัดเจน คือ จะต้องเรียนโทให้จบ ต้องเป็นวิชาEngineeringเท่านั้นไม่เป็น MBA และต้องเป็นมหาวิทยาลัยที่เป็นที่ยอมรับ ถ้าไม่จบไม่กลับเมืองไทย
A- Accomplishment สามารถเป็นเป้าหมายที่ใหญ่ๆ หรือเป้าหมายเล็กๆ ก็ได้ อย่างเช่นการวางแผนอ่านหนังสือว่าอาทิตย์นี้จะต้องอ่านให้จบกี่หน้า หรือ วันนี้จะทำงานอะไรให้เสร็จบ้าง ดังนั้นการทำอะไรในชีวิตให้สำเร็จ จะทำให้เราเกิดความพึงพอใจ ความภาคภูมิใจในตัวเอง และเติมเต็มความสุขให้กับเรา
ขอให้ทุกคนมีความสุขนะครับ PERMA.
ผู้เขียน
สุขุม รัตนเสรีเกียรติ
ที่ปรึกษาระบบบริหารงานคุณภาพบริษัท PMC Expert co., ltd.
www.pmcexport.com